7 อย่างที่ต้องรู้ก่อนเปิดร้านกาแฟในยุค 4.0 ไม่งั้นเจ๊ง!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมเชื่อว่าทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ส่วนใหญ่กำลังอยากที่จะเปิดร้านกาแฟ หรือไม่ก็กำลังหาธุรกิจที่จะลงทุน วันนี้ผมมีบทความที่จะทำให้คุณเข้าใจในธุรกิจกาแฟในยุคปัจจุบันมากขึ้น
" 7 อย่างที่ต้องรู้ก่อนเปิดร้านกาแฟในยุค 4.0 ไม่งั้นเจ๊ง! "
1) Location หรือทำเล : ถึงแม้จะมีคนยุยงหรือพูดว่า “locationไม่ดีไม่เป็นไร ทำร้านดีๆยังไงคนก็ตามมาเอง” ขอบอกเลยว่ายากครับ! ถึงคุณจะทำร้านดียังไงถ้าลูกค้าเดินทางมาลำบากไม่มีที่จอดรถ หน้าร้านไม่มีคนเดินผ่านไป-มา ลูกค้าอาจจะมีเข้ามาแค่ช่วงแรกๆเพื่อทดลอง ถึงแม้ลูกค้าจะติดใจก็คงมาเป็นครั้งคราวเท่านั้นเพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องการความสะดวกสบายมากกว่า ดังนั้นร้านคุณจะมีลูกค้าประจำน้อยกว่าร้านที่ทำเลดีๆ ซึ่งลูกค้าประจำนี่แหละที่ทำให้ร้านกาแฟของคุณอยู่รอด
2) การตลาด Marketing/PR : วิธีและช่องทางการโปรโมทร้านนั้นสำคัญสำหรับร้านกาแฟเปิดใหม่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ในยุค 4.0 หรือยุคปัจจุบันจะทำให้ร้านคุณมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวและยังสามารถกระตุ้นให้ฐานลูกค้าของคุณ กลับมาซื้อซ้ำบ่อยๆได้อีกด้วย! เบสิคที่คุณควรทำคือ Facebook Page เอาไว้สำหรับPRร้านเพราะ Facebook จะช่วยหาลูกค้าใหม่ๆให้คุณ ช่วงแรกๆคุณอาจจะต้องยอมเสียค่าโฆษณาซึ่งผมแนะนำให้ศึกษาข้อมูลการทำโฆษณาFacebookเพิ่มเติมครับ และอีกช่องทางที่สำคัญคือ Line@ เนื่องจาก Facebook มีการปิดกั้นการเข้าถึงของผู้ติดตามเพจแปลว่าเมื่อคุณโพสอะไรไป จำนวนคนที่เห็นอาจจะไม่ถึง 10% จากจำนวนผู้ติดตามเพจของคุณด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าคุณอยากให้ลูกค้าทุกคนได้เห็นโปรโมชั่นต่างๆของร้านคุณ ดังนั้น Line@ จะทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีกว่า และจะมีช่องทางอื่นๆที่สามารถทำเสริมได้คือ Instagram ส่วนTwitter และอื่นๆในประเทศไทยยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ในขณะเดียวกันช่องทางออฟไลน์หรือวิธีคลาสสิคก็ไม่ควรละทิ้ง เช่น ติด Poster ตามสถานที่ต่างๆที่ได้รับอนุญาติ ทำชงชิมแจกตามสถานที่ใกล้เคียงและ ทำบัตรสะสมแต้มหรือคูปองส่วนลดเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาซื้อซ้ำ
3) บาริสต้า : ไม่ว่าคุณจะจ้างบาริสต้าหรือจะเป็นเจ้าของร้านชงเองก็ตามการที่จะทำร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จได้คุณสมบัติแรกของบาริสต้าที่ต้องคำนึงถึงคือ “ใจรัก” บาริสต้าต้องมีใจรักงานบริการและรักกาแฟ บาริสต้าที่ยิ้มแย้มพูดจาไพเราะจะทำให้ลูกค้าติด ส่วนใจที่รักกาแฟนั้นจะทำให้เกิดความตั้งใจและมุ่งมั่นไผ่รู้เรื่องกาแฟซึ่งจะทำให้ร้านของคุณมีความเป็น Professional เมื่อบาริสต้าสามารถ Present เมนูเครื่องดื่มหรือตอบคำถามลูกค้าได้ทุกคำถาม มันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะเลือกดื่มกาแฟของคุณในทุกๆวัน
4) ความรู้เกี่ยวกับกาแฟ : ก่อนจะเปิดร้านตัวเจ้าของร้านเองและบาริสต้าต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องกาแฟและมาตรฐานการทำกาแฟเมนูพื้นฐานเสียก่อน อาทิ เช่น การเลือกใช้เมล็ดกาแฟและสูตรให้เหมาะกับฐานลูกค้า มาตรฐานสากลในการสกัดกาแฟเขาทำกันอย่างไร และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ หลังจากนั้นค่อยหาเมนู Signature ของร้านขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าที่อยากดื่มเมนูนี้ต้องมาที่ร้านของคุณเท่านั้น(ลิงค์แนะนำคอร์สเรียนชงกาแฟอยู่ท้ายบทความ)
5) เครื่องชงกาแฟ : เลือกเครื่องชงกาแฟให้เข้ากับการใช้งาน หน้าตาร้าน และกลุ่มลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟนายA เป็นร้านเล็กๆรองรับลูกค้าวันละไม่เกิน100แก้ว เลือกใช้เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก1หัวชง กลุ่มลูกค้าที่เดินผ่านก็จะเห็นว่าราคาไม่น่าจะแพงซึ่งก็จะง่ายต่อการตัดสินใจเดินเข้าร้าน ในขณะเดียวกันร้านกาแฟนายBเป็นร้านกาแฟที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีที่นั่งรองรับลูกค้าได้มาก สามารถรับลูกค้าได้วันละ150แก้วขึ้นไป เลือกใช้เครื่องชงกาแฟ2หัวชงเพื่อรองรับการใช้งานจำนวนมากและเลือกเครื่องชงจากอิตาลี Design สวยหรูเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าในกลุ่มที่พร้อมจ่ายในราคาสูงขึ้นเพื่อแลกกับคุณภาพหรือรสชาติกาแฟที่นิ่งขึ้นจากเครื่องชงระดับนี้ การเลือกเครื่องชงควรคำนึงถึง ประกันเครื่อง ศูนย์บริการที่มีประสบการณ์และมีเครื่องสำรองหากเครื่องเรามีปัญหา เราจะได้ไม่ต้องปิดร้านเพื่อรอเครื่องชงซ่อมเสร็จ (ลิงค์แนะนำเครื่องชงกาแฟอยู่ท้ายบทความ)
6) การออกแบบร้านกาแฟ : ก็จริงที่คุณสามารถจ้างนักออกแบบเก่งๆที่ไหนก็ได้ให้ออกแบบร้านกาแฟของคุณ แต่นักออกแบบเหล่านั้นรู้ไหมว่า โต๊ะบาร์ต้องสูงเท่าไหร่บาริสต้าถึง Tamp กาแฟและทำงานสะดวก? พื้นที่หน้าบาร์ที่จะต้องเหลือไว้สำหรับการทำงานหลังจากวางเครื่องชงกาแฟและอุปกรณ์อื่นๆแล้วควรเหลืออีกเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับการใช้งาน? ถังน้ำแข็งและซิงค์น้ำควรอยู่มุมไหนเพื่อลดการเดินและหมุนตัวของบาริสต้าที่จะทำให้เสียเวลา? และมีรายละเอียดอื่นๆอีกมากมาย ดังนั้นคุณควรหานักออกแบบที่มีประสบการณ์ออกแบบร้านกาแฟ (สนใจสอบถามเกี่ยวกับการออกแบบร้านกาแฟได้ที่ไลน์@ท้ายบทความ)
7) วัตถุดิบร้านกาแฟ : แน่นอนอยู่แล้วว่าวัตถุดิบที่ดีนั้นนำมาสู่ เครื่องดื่มที่ดีแต่ของดีๆบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเราเสมอไป คุณควรศึกษากลุ่มลูกค้าในพื้นที่ของคุณและถามตัวคุณเองว่ากลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร และเขาพร้อมจะจ่ายในราคาที่เท่าไหร่ แล้วค่อยมาเลือกหาวัตถุดิบที่เหมาะสม เช่นเมล็ดกาแฟก็จะมีหลายเกรดหลายสายพันธุ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณควรเลือกโรงงานหรือ Supplier ที่มีคุณภาพ และยิ่งเป็นโรงงานที่มีวัตถุดิบทุกอย่างครบได้ยิ่งดี เนื่องจากการสั่งของหรือการทำงานของคุณจะง่ายขึ้น
สุดท้ายแล้วการทำธุรกิจอะไรก็ตาม เจ้าของต้องมีใจรักในตัวธุรกิจนั้นๆ ศึกษาข้อมูลก่อนจะลงทุน พวกเราคอฟแมนขอเป็นกำลังใจให้และพร้อมให้คำปรึกษาครับ!
ลิงค์แนะนำ ;
แฟรนไชส์กาแฟสด
คอร์สเรียนชงกาแฟพื้นฐาน
เครื่องชงกาแฟ Espresso Machine และเซ็ทเครื่องต่างๆ
วัตถุดิบร้านกาแฟ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line ID: @coffmancoffee (ใส่ตัว@ด้วยนะครับ)